ภาระงานที่
1 การวิเคราะห์เนื้อหา
และกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ contontanalysis เป็นข้นตอนในการกำหนดของเนื้อหา
และกำหนดชื่อบทเรียนที่วิเคราะห์จากแผนการสอนที่ได้จัดทำไว้แล้ว
โดยะแยกเป็นการกำหนดหัวข้อของเนื้อหา และวัตถุประสงค์การเรียนรู้ จากนั้นจึงระบุรายละเอียดของเนื้อหา
ที่จะแสดงในหน้าเว็ปเพจ หรือสไลด์ในการนำเสนอ สามารถออกแบบได้ดังตารางต่อไปนี้
ชื่อบทเรียน คำอุทาน
หัวข้อเนื้อหา/วัตถุประสงค์การเรียนรู้
|
รายละเอียดของเนื้อหา
|
1 ความหมายคำอุทาน
1.1 อุทานบอกอาการ
1.2อุทานเสริมบท
|
คำที่ไม่มีความหมายในตัวเองแต่แสดงอารมณ์ของผู้กล่าวหรือเสริมคำในการพูดจา
คำอุทานไม่จัดเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือภาคไดภาคหนึ่งของประโยค
เป็นส่วนที่เสริมคำเพื่อเข้ามาแสดงอารมณ์ หรือช่วยให้มีข้อความสละสลวย
หรือเป็นคำที่แสดงถึงเสียงที่เปล่งออกมาในเวลาดีใจ เสียใจ ตกใจ ประหลาดใจ
หรือเกรงใจ เป็นคำที่ใช้ต้อสร้อยเสริมบทเสียงที่เปล่งออกมานั้น อาจจะเป็น คำ วลี
ประโยค คำอุทานมีสองชนิด
1 อุทานบอกอาการ
2
อุทานเสริมบท
ใช้แสดงความรู้สึกต่างๆในการพูด เช่น เอย!
โอ๊ย!
เฮ้!
เฮ้อ!
เป็นต้น
คำเหล่านี้แสดงความรู้สึกที่ต่างกัน
คำอุทานใช้เป็นคำสร้อย หรือคำเสริมบทต่างๆ เพื่อให้มีคำที่ครบถ้วน
ตามที่ต้องการหรือให้มีความกระชับ มีทั้งหมด 3 ชนิดคือ
1
อุทานเสริมบทใช้เป็นคำสร้อย
2
อุทานเสริมบทใช้เป็นคำสร้อย
3
อุทานเสริมบทใช้เป็นคำเสริม
อุทานเสริมบทใช้เป็นคำสร้อย หรืออุทานที่ใช้เป็นสร้อยของโคลงและร่าย
หรือใช้เป็นคำลงท้ายในบทประพันธ์
อุทานเสริมบท ใช้เป็นคำแทรกใช้แทรกลงในคำ
หรือประโยค หรือข้อความ
คำอุทานเสริมบทที่ใช้ในคำเสริม
ต้องใช้ต่อข้อความ หรือถ้อยให้ยาวขึ้น แต่ไม่ต้องการความหมาย
|
2
การใช้คำอุทานev6mko
3 วิธีกระจายคำอุทาน
|
คำอุทานจะเรียงไว้ข้างหน้าหรือข้างหลังบทต่างๆก็ได้
หรือสอดลงในคำอุทานระหว่างบทก็ได้ และไม่ต้องประกอบด้วยระบบของคำทั้งหมด 8 ชนิด
การเขียนคำอุทานสมัยโบราณ
ไม่ต้องหมายอะไรกำกับ เพราะรู้กันด้วยรูปของคำ แต่บัดนี้นิยมใช้เครื่องหมาย
อัศเจรีย์
( ! ) กำกับตามแบบของยุโรป
แต่นิยมใช้กับอุทานทั่วไป เพราะไม่ต้องการให้อ่านออกเสียงเป็นสำเนียงพูดจาจริงๆ
ส่วนคำอุทานชนิดอื่น จะไม่นิยมใช้
1.ให้บอกได้ว่าเป็นอุทานชนิดไดเท่านั้น
2.ถ้าเป็นอุทานบอกอาการ
ให้บอกว่าเป็นอุทานบอกอาการเท่านั้น
3.ถ้าเป็นเสริมบท
ย่อมทำหน้าที่ประกอบหรือขยายบทอื่นๆด้วย
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น